Content:
อาการแสดงทางคลินิก (Clinical Presentation)
Content on this page:
อาการแสดงทางคลินิก (Clinical Presentation)
การวินิจฉัยและเกณฑ์การวินิจฉัย (Diagnosis or Diagnostic Criteria)
ความรุนแรงของโรค (Disease Severity)
Content on this page:
อาการแสดงทางคลินิก (Clinical Presentation)
การวินิจฉัยและเกณฑ์การวินิจฉัย (Diagnosis or Diagnostic Criteria)
ความรุนแรงของโรค (Disease Severity)
อาการแสดงทางคลินิก (Clinical Presentation)
จากการสำรวจทางเว็บไซต์ใน 34 ประเทศพบว่า อาการที่พบเป็นอันดับหนึ่งคือ อาการคัน รองลงมาคือ อาการปวด ซึ่งเป็นอาการที่พบมากเป็นอันดับสองของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โดยอาจเป็นผลมาจากการเกา รอยแตกของผิวหนัง ผิวหนังแดงอักเสบ หรือการแสบร้อนจากยาทาภายนอก (เช่น สเตียรอยด์)
ทารกอายุต่ำกว่า 2 ปี
ในกลุ่มอายุนี้ สัญญาณของการอักเสบมักเกิดในช่วงอายุประมาณสามเดือน ผู้ป่วยมักมีผิวแห้ง รอยโรค (ตุ่มแดงที่มีน้ำเหลืองไหล เกิดคราบและสะเก็ด) มักพบที่แก้มและ/หรือคาง การเลียริมฝีปากอาจทำให้เกิดสะเก็ด น้ำเหลืองไหล และเกิดคราบที่ริมฝีปากรวมถึงผิวหนังรอบปาก ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อในภายหลังได้
Atopic Dermatitis_Initial Assessment 1
การเกาหรือการเช็ดล้างที่ผิวอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดสะเก็ด น้ำเหลืองไหล และปื้นแดงบนแก้ม ทารกอาจมีอาการกระสับกระส่ายหรือหงุดหงิดระหว่างการนอนหลับ ในขณะที่เด็กบางรายอาจมีผื่นกระจายไปทั่วและมีลักษณะเป็นตุ่มนูน แดง และสะเก็ด ส่วนบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อมมักไม่ได้รับผลกระทบ
เด็กอายุ 2–12 ปี
ผู้ป่วยในกลุ่มอายุนี้มักมีการอักเสบในบริเวณที่มีการพับของผิวหนัง (เช่น คอ ข้อมือ ข้อเท้า ข้อพับแขน) ผื่นอาจเกิดขึ้นใน 1 หรือ 2 บริเวณ และอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ (เช่น คอ ข้อพับแขน ข้อพับเข่า ข้อมือ และข้อเท้า)
นอกจากนี้ยังอาจมีตุ่มนูนที่เปลี่ยนเป็นแผ่นหนาและกลายเป็นผิวหนังหนาเมื่อถูกเกา การเกาและการอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่การเกิดบริเวณที่มีสีผิวจางลงหรือเข้มขึ้น
อายุ 13 ปีถึงผู้ใหญ่
ในช่วงเริ่มต้นของวัยแรกรุ่นอาการอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ซ้ำ ๆ โดยผื่นมักจะเกิดขึ้นและกระจายบริเวณส่วนบนของร่างกาย เช่น ใบหน้า คอ หน้าอก และหลัง และอาจเกิดผื่นที่มีอาการคันมาก (prurigo) ที่ลำตัวและแขนขา ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจเกิดผื่นแดงทั่วตัว (erythroderma) ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก
การเกิดโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ในผู้ใหญ่ที่ไม่มีประวัติของโรคผิวหนังอักเสบมาก่อนเป็นเหตุการณ์ที่พบไม่บ่อย รูปแบบของการอักเสบจะคล้ายกับเด็กอายุ 2–12 ปี โดยมีรอยโรคเพิ่มเติมที่ท้ายทอยและมือ ผิวหนังอักเสบที่มือในผู้ใหญ่อาจเกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีที่ระคายเคืองได้
ตุ่มนูนและแผ่นแดงแห้ง มีสะเก็ด และผิวหนังหนาอาจเกิดขึ้นได้
ทารกอายุต่ำกว่า 2 ปี
ในกลุ่มอายุนี้ สัญญาณของการอักเสบมักเกิดในช่วงอายุประมาณสามเดือน ผู้ป่วยมักมีผิวแห้ง รอยโรค (ตุ่มแดงที่มีน้ำเหลืองไหล เกิดคราบและสะเก็ด) มักพบที่แก้มและ/หรือคาง การเลียริมฝีปากอาจทำให้เกิดสะเก็ด น้ำเหลืองไหล และเกิดคราบที่ริมฝีปากรวมถึงผิวหนังรอบปาก ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อในภายหลังได้

การเกาหรือการเช็ดล้างที่ผิวอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดสะเก็ด น้ำเหลืองไหล และปื้นแดงบนแก้ม ทารกอาจมีอาการกระสับกระส่ายหรือหงุดหงิดระหว่างการนอนหลับ ในขณะที่เด็กบางรายอาจมีผื่นกระจายไปทั่วและมีลักษณะเป็นตุ่มนูน แดง และสะเก็ด ส่วนบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อมมักไม่ได้รับผลกระทบ
เด็กอายุ 2–12 ปี
ผู้ป่วยในกลุ่มอายุนี้มักมีการอักเสบในบริเวณที่มีการพับของผิวหนัง (เช่น คอ ข้อมือ ข้อเท้า ข้อพับแขน) ผื่นอาจเกิดขึ้นใน 1 หรือ 2 บริเวณ และอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ (เช่น คอ ข้อพับแขน ข้อพับเข่า ข้อมือ และข้อเท้า)
นอกจากนี้ยังอาจมีตุ่มนูนที่เปลี่ยนเป็นแผ่นหนาและกลายเป็นผิวหนังหนาเมื่อถูกเกา การเกาและการอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่การเกิดบริเวณที่มีสีผิวจางลงหรือเข้มขึ้น
อายุ 13 ปีถึงผู้ใหญ่
ในช่วงเริ่มต้นของวัยแรกรุ่นอาการอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ซ้ำ ๆ โดยผื่นมักจะเกิดขึ้นและกระจายบริเวณส่วนบนของร่างกาย เช่น ใบหน้า คอ หน้าอก และหลัง และอาจเกิดผื่นที่มีอาการคันมาก (prurigo) ที่ลำตัวและแขนขา ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจเกิดผื่นแดงทั่วตัว (erythroderma) ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก
การเกิดโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ในผู้ใหญ่ที่ไม่มีประวัติของโรคผิวหนังอักเสบมาก่อนเป็นเหตุการณ์ที่พบไม่บ่อย รูปแบบของการอักเสบจะคล้ายกับเด็กอายุ 2–12 ปี โดยมีรอยโรคเพิ่มเติมที่ท้ายทอยและมือ ผิวหนังอักเสบที่มือในผู้ใหญ่อาจเกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีที่ระคายเคืองได้
ตุ่มนูนและแผ่นแดงแห้ง มีสะเก็ด และผิวหนังหนาอาจเกิดขึ้นได้
การวินิจฉัยและเกณฑ์การวินิจฉัย (Diagnosis or Diagnostic Criteria)
การวินิจฉัยโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ขึ้นอยู่กับประวัติของผู้ป่วย อาการแสดงทางผิวหนัง (ลักษณะเฉพาะของโรคภูมิแพ้) และการตรวจร่างกายอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือต้องค้นหาปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบ เช่น สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ อาหาร การติดเชื้อ สารเคมีที่ระคายเคือง ความเครียดทางอารมณ์ และอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำผิดปกติ
เกณฑ์การวินิจฉัย (ตาม Hanifin and Rajka criteria)
ลักษณะสำคัญของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยต้องมีอย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อ ได้แก่:
- อาการคัน
- ลักษณะและการกระจายตัวที่เป็นแบบเฉพาะ: ในทารกและเด็กมักพบผื่นหนาบริเวณใบหน้าและแขนขา; ในผู้ใหญ่มักพบบริเวณผิวหนังบริเวณข้อพับ โดยมีลักษณะเป็นแนวเส้นตรง
- โรคผิวหนังอักเสบที่เป็นเรื้อรังหรือกำเริบเรื้อรัง
- ประวัติส่วนตัวหรือครอบครัวมีโรคภูมิแพ้: โรคหืด โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้
Atopic dermatitis_Initial Assessment 2
ลักษณะรอง (minor) หรือลักษณะที่ไม่เฉพาะเจาะจงของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยต้องมีอย่างน้อยอีก 3 ข้อจาก 23 ข้อต่อไปนี้:
- ริมฝีปากอักเสบ
- ผิวหนังอักเสบที่มือหรือเท้า
- โรคหนังเกล็ดปลา (Ichthyosis) ฝ่ามือหนาขึ้นและเส้นลายมือลึกกว่าปกติ (palmar hyperlinearity) และโรคขนคุด (keratosis pilaris)
- ผื่นที่บริเวณหัวนม
- ผิวหนังบริเวณรอบรูขนยกนูนขึ้นหรือมีลักษณะคล้ายหนังไก่ (perifollicular accentuation)
- ผิวแห้ง
- เยื่อบุตาอักเสบที่เป็นซ้ำบ่อย ๆ
- โรคกระจกตาย้วยหรือโป่ง (keratoconus)
- ต้อกระจกที่ชั้นเลนส์ที่อยู่รอบนอกสุดติดกับเยื่อหุ้มเลนส์ด้านหน้า (anterior subcapsular cataract)
- ผื่นกลากน้ำนม (pityriasis alba)
- การตอบสนองของผิวหนังเป็นสีขาวภายหลังถูกขูดขีด (white dermatographism and delayed blanch response)
- Dennie-Morgan infraorbital fold
- ผิวหน้าซีดหรือแดง
- รอยพับที่คอด้านหน้า
- คันเมื่อเหงื่อออก
- แพ้ขนสัตว์และตัวทำละลายไขมัน (lipid solvents)
- แพ้อาหาร
- อาการแสดงของโรคได้รับอิทธิพลจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม/อารมณ์
- รอบตาคล้ำ
- การตอบสนองของผิวหนังแบบเฉียบพลัน (ประเภทที่ 1) จากการทดสอบ เช่น radioallergosorbent หรือ skin prick test)
- ระดับ IgE ในเลือดสูงขึ้น
- เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อย
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง (Staphylococcus aureus, herpes simplex) หรือมีภูมิคุ้มกันชนิดพึ่งเซลล์ (cell-mediated immunity) บกพร่อง
เกณฑ์การวินิจฉัย (ตาม Hanifin and Rajka criteria)
ลักษณะสำคัญของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยต้องมีอย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อ ได้แก่:
- อาการคัน
- ลักษณะและการกระจายตัวที่เป็นแบบเฉพาะ: ในทารกและเด็กมักพบผื่นหนาบริเวณใบหน้าและแขนขา; ในผู้ใหญ่มักพบบริเวณผิวหนังบริเวณข้อพับ โดยมีลักษณะเป็นแนวเส้นตรง
- โรคผิวหนังอักเสบที่เป็นเรื้อรังหรือกำเริบเรื้อรัง
- ประวัติส่วนตัวหรือครอบครัวมีโรคภูมิแพ้: โรคหืด โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้

ลักษณะรอง (minor) หรือลักษณะที่ไม่เฉพาะเจาะจงของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยต้องมีอย่างน้อยอีก 3 ข้อจาก 23 ข้อต่อไปนี้:
- ริมฝีปากอักเสบ
- ผิวหนังอักเสบที่มือหรือเท้า
- โรคหนังเกล็ดปลา (Ichthyosis) ฝ่ามือหนาขึ้นและเส้นลายมือลึกกว่าปกติ (palmar hyperlinearity) และโรคขนคุด (keratosis pilaris)
- ผื่นที่บริเวณหัวนม
- ผิวหนังบริเวณรอบรูขนยกนูนขึ้นหรือมีลักษณะคล้ายหนังไก่ (perifollicular accentuation)
- ผิวแห้ง
- เยื่อบุตาอักเสบที่เป็นซ้ำบ่อย ๆ
- โรคกระจกตาย้วยหรือโป่ง (keratoconus)
- ต้อกระจกที่ชั้นเลนส์ที่อยู่รอบนอกสุดติดกับเยื่อหุ้มเลนส์ด้านหน้า (anterior subcapsular cataract)
- ผื่นกลากน้ำนม (pityriasis alba)
- การตอบสนองของผิวหนังเป็นสีขาวภายหลังถูกขูดขีด (white dermatographism and delayed blanch response)
- Dennie-Morgan infraorbital fold
- ผิวหน้าซีดหรือแดง
- รอยพับที่คอด้านหน้า
- คันเมื่อเหงื่อออก
- แพ้ขนสัตว์และตัวทำละลายไขมัน (lipid solvents)
- แพ้อาหาร
- อาการแสดงของโรคได้รับอิทธิพลจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม/อารมณ์
- รอบตาคล้ำ
- การตอบสนองของผิวหนังแบบเฉียบพลัน (ประเภทที่ 1) จากการทดสอบ เช่น radioallergosorbent หรือ skin prick test)
- ระดับ IgE ในเลือดสูงขึ้น
- เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อย
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง (Staphylococcus aureus, herpes simplex) หรือมีภูมิคุ้มกันชนิดพึ่งเซลล์ (cell-mediated immunity) บกพร่อง
ความรุนแรงของโรค (Disease Severity)
ความรุนแรงของโรคสามารถประเมินโดยใช้วิธีการให้คะแนนต่าง ๆ (เช่น SCORing Atopic Dermatitis [SCORAD], Eczema Area and Severity Index [EASI], Patient Oriented Eczema Measure [POEM], Three Items Severity Score [TISS])
SCORAD เป็นวิธีการให้คะแนนที่พัฒนาโดย European Task Force of Atopic Dermatitis (ETFAD) ซึ่งใช้พื้นที่ผิวหนังที่ได้รับผลกระทบหรือขอบเขตของผื่น ระดับความรุนแรงของผื่น และความรู้สึกของผู้ป่วยที่มีต่ออาการแสดง เพื่อให้คะแนนความรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ของผู้ป่วย และแบ่งออกเป็นดังนี้:
- โรคที่มีความรุนแรงน้อย: 10–28 คะแนน
- โรคที่มีความรุนแรงปานกลาง: 29–48 คะแนน
- โรคที่มีความรุนแรงมาก: 49–103 คะแนน
TISS เป็นระบบการให้คะแนนที่ง่ายขึ้นโดยอิงจาก 3 อาการของโรค: อาการแดง อาการบวม หรือการเกิดตุ่ม และการเกา POEM วัดความรุนแรงโดยอาศัยคำตอบของผู้ป่วยต่อคำถาม 7 ข้อที่อิงจากอาการและความถี่ของอาการ ความรุนแรงของอาการคันขึ้นอยู่กับการประเมินของผู้ป่วยโดยใช้ visual analog scale (VAS) และ numerical rating scale (NRS)
ระบบการให้คะแนนอื่น ๆ ที่อิงจากผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตสามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน (เช่น Children’s Dermatology Life Quality Index [CDLQI], Dermatitis Family Impact [DFI], Skindex-16, Dermatology Life Quality Index [DLQI], และ Infant’s Dermatitis Quality of Life Index [IDQOL])
ภาวะแทรกซ้อนทางตาหรือการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นในโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่รุนแรง โรคสะเก็ดเงินที่รุนแรงหรือการติดเชื้อที่ผิวหนังอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ช่วงอาการกำเริบ (flare) คือช่วงที่อาการของโรคแย่ลงอย่างเฉียบพลันและมีนัยสำคัญทางคลินิก ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา ช่วงอาการสงบ (remission) คือ ช่วงเวลาที่ไม่มีอาการกำเริบเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์โดยไม่ได้ใช้ยาเพื่อรักษาอาการอักเสบใด ๆ
SCORAD เป็นวิธีการให้คะแนนที่พัฒนาโดย European Task Force of Atopic Dermatitis (ETFAD) ซึ่งใช้พื้นที่ผิวหนังที่ได้รับผลกระทบหรือขอบเขตของผื่น ระดับความรุนแรงของผื่น และความรู้สึกของผู้ป่วยที่มีต่ออาการแสดง เพื่อให้คะแนนความรุนแรงของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ของผู้ป่วย และแบ่งออกเป็นดังนี้:
- โรคที่มีความรุนแรงน้อย: 10–28 คะแนน
- โรคที่มีความรุนแรงปานกลาง: 29–48 คะแนน
- โรคที่มีความรุนแรงมาก: 49–103 คะแนน
TISS เป็นระบบการให้คะแนนที่ง่ายขึ้นโดยอิงจาก 3 อาการของโรค: อาการแดง อาการบวม หรือการเกิดตุ่ม และการเกา POEM วัดความรุนแรงโดยอาศัยคำตอบของผู้ป่วยต่อคำถาม 7 ข้อที่อิงจากอาการและความถี่ของอาการ ความรุนแรงของอาการคันขึ้นอยู่กับการประเมินของผู้ป่วยโดยใช้ visual analog scale (VAS) และ numerical rating scale (NRS)
ระบบการให้คะแนนอื่น ๆ ที่อิงจากผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตสามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน (เช่น Children’s Dermatology Life Quality Index [CDLQI], Dermatitis Family Impact [DFI], Skindex-16, Dermatology Life Quality Index [DLQI], และ Infant’s Dermatitis Quality of Life Index [IDQOL])
ภาวะแทรกซ้อนทางตาหรือการติดเชื้ออาจเกิดขึ้นในโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ที่รุนแรง โรคสะเก็ดเงินที่รุนแรงหรือการติดเชื้อที่ผิวหนังอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ช่วงอาการกำเริบ (flare) คือช่วงที่อาการของโรคแย่ลงอย่างเฉียบพลันและมีนัยสำคัญทางคลินิก ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา ช่วงอาการสงบ (remission) คือ ช่วงเวลาที่ไม่มีอาการกำเริบเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์โดยไม่ได้ใช้ยาเพื่อรักษาอาการอักเสบใด ๆ